ครม.เห็นชอบปรับเกณฑ์โครงการบ้านล้านหลังเพิ่มราคาซื้อขายและวงเงินกู้เป็นไม่เกิน 1.2 ล้านบาท

คณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติเห็นชอบปรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไข “โครงการบ้านล้านหลัง” สำหรับกรณีลูกค้ารายย่อย (Post Finance) โดยปรับเพิ่มราคาซื้อขายและวงเงินกู้ที่อยู่อาศัยเป็นไม่เกิน 1.2 ล้านบาท จากเดิม 1 ล้านบาท เพื่อเพิ่มโอกาสให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง กู้ 1.2 ล้านบาท ผ่อนชำระเริ่มต้นเพียงแค่ 4,500 บาท/เดือน ล่าสุด ณ วันที่ 15 มิถุนายน 2563 พบว่ามีผู้ติดต่อยื่นคำขอกู้แล้ว 29,813 ราย วงเงิน 21,970 ล้านบาท และ ธอส. อนุมัติสินเชื่อให้ลูกค้าแล้ว 28,278 ราย วงเงินกู้ 20,106 ล้านบาท ภายใต้กรอบวงเงินโครงการฯ 50,000 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินโครงการตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2562 – 30 ธันวาคม 2564
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันนี้(16 มิถุนายน 2563) มีมติเห็นชอบปรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไข “โครงการบ้านล้านหลัง” กรณีลูกค้ารายย่อย (Post Finance) โดยปรับเพิ่มราคาซื้อขายและวงเงินกู้ที่อยู่อาศัยเป็นไม่เกิน 1.2 ล้านบาท จากเดิม 1 ล้านบาท เพื่อให้เหมาะสมกับราคาซื้อขายของอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบัน เพิ่มโอกาสให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม และกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ตามนโยบายของ ดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายปริญญา พัฒนภักดี ประธานกรรมการ ธอส. ทั้งนี้ โครงการบ้านล้านหลัง กำหนดกรอบวงเงินสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับลูกค้ารายย่อย จำนวน 50,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยแบ่งเป็น กรณีรายได้ไม่เกิน 25,000 บาท/คน/เดือน ปีที่ 1 – ปีที่ 5 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.00% ต่อปี ฟรีค่าธรรมเนียม(4 ฟรี) ได้แก่ 1.ฟรีค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ 2.ฟรีค่าประเมินราคาหลักประกัน 3.ฟรีค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม และ 4.ฟรีค่าจดทะเบียนนิติกรรมจำนอง ส่วนกรณีรายได้เกิน 25,000 บาท/คน/เดือน อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1- ปีที่ 3 คงที่ 3.00% ต่อปี กรณีลูกค้ากู้ 1.2 ล้านบาท จะผ่อนชำระเริ่มต้นเพียงแค่ 4,500 บาท/เดือนเท่านั้น ล่าสุด ณ วันที่ 15 มิถุนายน 2563 พบว่ามีผู้ติดต่อยื่นคำขอกู้แล้วจำนวน 29,813 ราย วงเงิน 21,970 ล้านบาท และ ธอส. อนุมัติสินเชื่อให้ลูกค้าได้มีบ้านในฝันเป็นของตนเองแล้วทั้งสิ้น 28,278 ราย วงเงินกู้ 20,106 ล้านบาท ภายใต้กรอบวงเงินโครงการฯ 50,000 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินโครงการตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2562 – 30 ธันวาคม 2564
“การที่ ครม. เห็นชอบให้ปรับเพิ่มราคาซื้อขายและวงเงินกู้ในครั้งนี้จะมีส่วนช่วยเพิ่มโอกาสให้ประชาชนมีทางเลือกในการหาซื้อที่อยู่อาศัยตามโครงการดังกล่าวได้มากขึ้น และยังกระตุ้นให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์มีความต้องการที่จะลงทุนก่อสร้างโครงการที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 1.2 ล้านบาท อย่างเป็นรูปธรรมเพิ่มมากขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการสามารถขอสินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการอัตราดอกเบี้ยต่ำกับ ธอส. นอกจากนี้การปรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขยังสอดคล้องกับประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนฯ ที่แก้ไขเพิ่มเติมบัญชีประเภทกิจการที่ให้การส่งเสริมการลงทุนโดยกำหนดให้กิจการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยได้รับสิทธิประโยชน์เฉพาะการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นระยะเวลา 3 ปี โดยมีเงื่อนไขสำคัญ คือ กรณีที่อยู่อาศัยที่ขอรับการส่งเสริมตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร ต้องจำหน่ายราคาต่อหน่วยไม่เกิน 1.2 ล้านบาท (รวมค่าที่ดิน) และกรณีที่ตั้งอยู่ในจังหวัดอื่นต้องจำหน่ายราคาหน่วยละไม่เกิน 1 ล้านบาท โดยที่อยู่อาศัยดังกล่าวจะต้องจำหน่ายให้แก่บุคคลธรรมดาเท่านั้น”นายฉัตรชัย กล่าว
สอบถามรายละเอียดหรือติดตามข้อมูลข่าวสารของธนาคารเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (Call Center) โทร 02 645 9000 หรือ www.ghbank.co.th และ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และ www.ghbank.co.th
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันนี้(16 มิถุนายน 2563) มีมติเห็นชอบปรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไข “โครงการบ้านล้านหลัง” กรณีลูกค้ารายย่อย (Post Finance) โดยปรับเพิ่มราคาซื้อขายและวงเงินกู้ที่อยู่อาศัยเป็นไม่เกิน 1.2 ล้านบาท จากเดิม 1 ล้านบาท เพื่อให้เหมาะสมกับราคาซื้อขายของอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบัน เพิ่มโอกาสให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม และกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ตามนโยบายของ ดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายปริญญา พัฒนภักดี ประธานกรรมการ ธอส. ทั้งนี้ โครงการบ้านล้านหลัง กำหนดกรอบวงเงินสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับลูกค้ารายย่อย จำนวน 50,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยแบ่งเป็น กรณีรายได้ไม่เกิน 25,000 บาท/คน/เดือน ปีที่ 1 – ปีที่ 5 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.00% ต่อปี ฟรีค่าธรรมเนียม(4 ฟรี) ได้แก่ 1.ฟรีค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ 2.ฟรีค่าประเมินราคาหลักประกัน 3.ฟรีค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม และ 4.ฟรีค่าจดทะเบียนนิติกรรมจำนอง ส่วนกรณีรายได้เกิน 25,000 บาท/คน/เดือน อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1- ปีที่ 3 คงที่ 3.00% ต่อปี กรณีลูกค้ากู้ 1.2 ล้านบาท จะผ่อนชำระเริ่มต้นเพียงแค่ 4,500 บาท/เดือนเท่านั้น ล่าสุด ณ วันที่ 15 มิถุนายน 2563 พบว่ามีผู้ติดต่อยื่นคำขอกู้แล้วจำนวน 29,813 ราย วงเงิน 21,970 ล้านบาท และ ธอส. อนุมัติสินเชื่อให้ลูกค้าได้มีบ้านในฝันเป็นของตนเองแล้วทั้งสิ้น 28,278 ราย วงเงินกู้ 20,106 ล้านบาท ภายใต้กรอบวงเงินโครงการฯ 50,000 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินโครงการตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2562 – 30 ธันวาคม 2564
“การที่ ครม. เห็นชอบให้ปรับเพิ่มราคาซื้อขายและวงเงินกู้ในครั้งนี้จะมีส่วนช่วยเพิ่มโอกาสให้ประชาชนมีทางเลือกในการหาซื้อที่อยู่อาศัยตามโครงการดังกล่าวได้มากขึ้น และยังกระตุ้นให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์มีความต้องการที่จะลงทุนก่อสร้างโครงการที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 1.2 ล้านบาท อย่างเป็นรูปธรรมเพิ่มมากขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการสามารถขอสินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการอัตราดอกเบี้ยต่ำกับ ธอส. นอกจากนี้การปรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขยังสอดคล้องกับประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนฯ ที่แก้ไขเพิ่มเติมบัญชีประเภทกิจการที่ให้การส่งเสริมการลงทุนโดยกำหนดให้กิจการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยได้รับสิทธิประโยชน์เฉพาะการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นระยะเวลา 3 ปี โดยมีเงื่อนไขสำคัญ คือ กรณีที่อยู่อาศัยที่ขอรับการส่งเสริมตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร ต้องจำหน่ายราคาต่อหน่วยไม่เกิน 1.2 ล้านบาท (รวมค่าที่ดิน) และกรณีที่ตั้งอยู่ในจังหวัดอื่นต้องจำหน่ายราคาหน่วยละไม่เกิน 1 ล้านบาท โดยที่อยู่อาศัยดังกล่าวจะต้องจำหน่ายให้แก่บุคคลธรรมดาเท่านั้น”นายฉัตรชัย กล่าว
สอบถามรายละเอียดหรือติดตามข้อมูลข่าวสารของธนาคารเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (Call Center) โทร 02 645 9000 หรือ www.ghbank.co.th และ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และ www.ghbank.co.th